คลื่นมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลกกวาดไปทางทิศใต้จีนช่องแคบ Luzon ของทะเลสูงตระหง่านสูงกว่า 550 ฟุต (170 เมตร)
โชคดีสำหรับเรือที่ส่งน้ำที่วุ่นวายระหว่างไต้หวันและฟิลิปปินส์คลื่นขนาดใหญ่เหล่านี้แทบจะทำลายพื้นผิวแม้ว่าคลื่นจะเป็นเหตุการณ์ประจำวัน แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจกับใต้น้ำเหล่านี้ "คลื่นภายใน"ซึ่งเกิดขึ้นทั่วมหาสมุทรของโลกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศของโลกคลื่นอาจผลักความร้อนเกลือและสารอาหารมากมายรอบมหาสมุทร
“ มันเป็นชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของปริศนาในการสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศ” โทมัสพีค็อกวิศวกรเครื่องกลของ MIT ซึ่งกำลังศึกษาคลื่นภายในกล่าว “ ตอนนี้แบบจำลองสภาพภูมิอากาศทั่วโลกไม่สามารถจับกระบวนการเหล่านี้ได้” Peacock กล่าวในแถลงการณ์
ตอนนี้การศึกษาการสร้างแบบจำลองใหม่แสดงให้เห็นว่าคลื่นภายในของ Luzon Strait เพิ่มขึ้นอย่างไรจากความลึก แบบจำลองแสดงให้เห็นว่าระยะห่างของสันเขาทะเลสองอันที่จมอยู่ใต้น้ำในช่องแคบลูซอนตอนเหนือนั้นสมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างคลื่นภายในขนาดมหึมานกยูงและเพื่อนร่วมงานของเขารายงานเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนในวารสารจดหมายวิจัยธรณีฟิสิกส์
สำหรับการศึกษา MIT Postdoc Matthieu Mercier ได้สร้างแบบจำลองรายละเอียดของ Luzon Strait Seafloor ในถังคลื่นเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 ฟุต (15 เมตร) ในถังคลื่นภายในเกิดขึ้นเมื่อกระแสน้ำกระเด่าผลักน้ำเย็นลงใต้น้ำทะเลสองอันบนสันเขาทะเลสองแห่งตั้งค่าการรบกวนที่เรียกว่าคลื่นยืน ในการค้นพบที่สำคัญครั้งหนึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่าระบบการขับรถสองครั้งทั้งหมดแทนที่จะเป็นคุณลักษณะที่แยกได้เช่นภูเขาสูงบนสันเขามีหน้าที่สร้างคลื่นภายใน
นักวิจัยทำการทดสอบด้วยชั้นน้ำโดยชั้นของปริมาณเกลือที่แตกต่างกันเนื่องจากคลื่นภายในสามารถเคลื่อนที่ได้ในชั้นน้ำในมหาสมุทรที่แตกต่างกัน
มหาสมุทรถูกแบ่งออกเนื่องจากน้ำที่เย็นกว่าน้ำเค็มนั้นมีความหนาแน่นสูงกว่าและจมลงต่ำกว่าน้ำร้อนที่ร้อนกว่า นักวิทยาศาสตร์คิดว่าคลื่นภายในซึ่งเห็นได้ในมหาสมุทรหลายแห่งสามารถผสมชั้นเหล่านี้ออกจากความร้อนจากมหาสมุทรตื้น
คลื่นเหล่านี้อาจเป็น "กลไกสำคัญสำหรับการถ่ายโอนความร้อนจากมหาสมุทรตอนบนไปยังระดับความลึก" Peacock กล่าว การวิจัยจะช่วยให้เข้าใจเพิ่มเติมว่าคลื่นภายในปรากฏและหายไปอย่างไรนักวิทยาศาสตร์กล่าว
อีเมลBecky Oskinหรือติดตามเธอ@Beckyoskin- ติดตาม OuramazingPlanet@oaplanet-FacebookและGoogle+- บทความต้นฉบับที่uramazingplanet ของ LiveScience-