ระบบ Kanban คืออะไร?

Kanban เป็นระบบควบคุมสินค้าคงคลังที่ใช้ในเพียงแค่เวลา (jit)การผลิต. มันได้รับการพัฒนาโดย Taiichi Ohno วิศวกรอุตสาหกรรมที่โตโยต้าและใช้ชื่อจากการ์ดสีที่ติดตามการผลิตและสั่งซื้อชิ้นส่วนหรือวัสดุใหม่เมื่อหมด Kanban เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลโดยตรงว่า "การ์ดภาพ" ดังนั้นระบบ Kanban จึงหมายถึงการใช้ตัวชี้นำภาพเพื่อกระตุ้นการกระทำที่จำเป็นเพื่อให้กระบวนการไหล

ทำความเข้าใจกับระบบ Kanban

ระบบ Kanban สามารถถือได้ว่าเป็นระบบสัญญาณและการตอบสนอง เมื่อรายการทำงานต่ำที่สถานีปฏิบัติการจะมีคิวภาพที่ระบุว่าจะสั่งซื้อจากการจัดหาเท่าใด บุคคลที่ใช้ชิ้นส่วนทำให้คำสั่งซื้อสำหรับปริมาณที่ระบุโดย Kanban และซัพพลายเออร์ให้จำนวนที่แน่นอนที่ร้องขอ

ตัวอย่างเช่นหากคนงานกำลังบรรจุผลิตภัณฑ์บนสายพานลำเลียงอาจมีการวาง kanban ไว้ในสแต็คเหนือ 10 ถุงสุดท้าย เมื่อคนงานเข้ามาในการ์ดเขาให้การ์ดนักวิ่งพื้นเพื่อนำกระเป๋ามากขึ้น สถานีที่อยู่ไกลออกไปจากห้องจัดหาอาจมี Kanban วางไว้ที่ 15 ถุงและใกล้กว่าห้า การไหลของกระเป๋าและตำแหน่งของการ์ดจะถูกปรับเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสถานีเหลือน้อยที่ถุงเหลือในขณะที่สายพานทำงาน

ระบบ Kanban สามารถใช้งานได้ง่ายภายในโรงงาน แต่ก็สามารถนำไปใช้กับการซื้อได้รายการสิ่งของจากซัพพลายเออร์ภายนอก ระบบ Kanban สร้างทัศนวิสัยที่ไม่ธรรมดาให้กับทั้งซัพพลายเออร์และผู้ซื้อ หนึ่งในเป้าหมายหลักคือการ จำกัด การสะสมของสินค้าคงคลังส่วนเกิน ณ จุดใด ๆ ในสายการผลิต ข้อ จำกัด ของจำนวนรายการที่รอที่จุดจัดหาจะถูกสร้างขึ้นแล้วลดลงเมื่อมีการระบุและลบความไร้ประสิทธิภาพ เมื่อใดก็ตามที่เกินขีด จำกัด ของสินค้าคงคลังจะชี้ไปที่ความไร้ประสิทธิภาพที่ต้องได้รับการแก้ไข

เมื่อภาชนะบรรจุชิ้นส่วนหรือวัสดุว่างเปล่าการ์ดจะปรากฏขึ้นรหัสสีตามลำดับความสำคัญช่วยให้การผลิตและการส่งมอบมากขึ้นก่อนที่การหยุดพักหรือการขาดแคลนจะเกิดขึ้น ระบบสองการ์ดมักจะใช้ บัตรขนส่ง (เรียกอีกอย่างว่า T-Kanban) อนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวของภาชนะบรรจุไปยังเวิร์กสเตชันถัดไปในสายการผลิตในขณะที่บัตรการผลิต (หรือที่เรียกว่า P-Kanban) อนุญาตให้เวิร์กสเตชันผลิตผลิตภัณฑ์จำนวนคงที่และชิ้นส่วนหรือวัสดุสั่งซื้อเมื่อพวกเขาถูกขายหรือใช้

การปฏิบัติหลักของ Kanban

วิธี Kanban มีหลักการหลักหลายประการที่กำหนดว่ากระบวนการเกิดขึ้นได้อย่างไรและสมาชิกในทีมควรมีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างไร

มองเห็นเวิร์กโฟลว์

หัวใจของ Kanban กระบวนการจะต้องแสดงให้เห็นภาพ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดและซอฟต์แวร์และการใช้ประโยชน์จากทางกายภาพกระบวนการจะต้องแสดงทีละขั้นตอนโดยใช้ตัวชี้นำภาพที่ทำให้แต่ละงานสามารถระบุได้อย่างชัดเจน ความคิดคือการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแต่ละขั้นตอนคืออะไรความคาดหวังคืออะไรและใครจะทำอะไร

วิธีการสมัยเก่า (แต่ยังคงใช้ในปัจจุบัน) รวมถึงการร่างงาน Kanban ในโน้ตเหนียว โน้ตเหนียวแต่ละอันอาจมีสีแตกต่างกันเพื่อแสดงถึงรายการงานประเภทต่าง ๆ งานเหล่านี้จะถูกวางลงในเลนว่ายน้ำส่วนที่กำหนดไว้ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างโครงการที่มีการจัดระเบียบมากขึ้น วันนี้ซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลังมักจะขับเคลื่อนกระบวนการ Kanban

จำกัด WIP

เนื่องจาก Kanban มีรากฐานมาจากประสิทธิภาพเป้าหมายของ Kanban คือการลดปริมาณของทำงานระหว่างดำเนินการ- ทีมได้รับการสนับสนุนให้ทำงานก่อนหน้านี้ให้เสร็จก่อนที่จะย้ายไปทำงานใหม่ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าการพึ่งพาในอนาคตสามารถเริ่มต้นได้ก่อนหน้านี้และทรัพยากรเช่นพนักงานไม่ได้รออย่างไม่มีประสิทธิภาพในการเริ่มงานของพวกเขาในขณะที่พึ่งพาผู้อื่น

บริษัท จะต้องประเมินจำนวน WIP ที่เหมาะสมภายในเพื่อดำเนินการตามกระบวนการ Kanban สิ่งนี้มักจะเชื่อมโยงกับจำนวนคนตามกระบวนการ เนื่องจากจำนวนคนงานที่เชื่อมโยงกับโครงการลดลงดังนั้นปริมาณของรายการที่อนุญาตจึงใช้งานได้ ข้อ จำกัด นี้ยังสื่อสารกับทีมหรือแผนกอื่น ๆ ว่าพวกเขาจะต้องคำนึงถึงการถามทีมอื่น ๆ เนื่องจากแต่ละกลุ่มของแต่ละกลุ่มอาจถูก จำกัด การทำงาน

จัดการเวิร์กโฟลว์

เมื่อดำเนินการตามกระบวนการ บริษัท จะสามารถระบุจุดแข็งและจุดอ่อนได้ตามเวิร์กโฟลว์ บางครั้งข้อ จำกัด ไม่เป็นไปตามหรือไม่บรรลุเป้าหมาย ในกรณีนี้มันขึ้นอยู่กับทีมที่จะจัดการเวิร์กโฟลว์และเข้าใจข้อบกพร่องที่ต้องเอาชนะได้ดีขึ้น

ส่วนสำคัญของ Kanban คือการสังเกตและกำจัดคอขวดก่อนที่พวกเขาจะเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการพยากรณ์การผลิตและการใช้ทรัพยากร เมื่อกระบวนการสามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น บริษัท จะพบว่าการทำข้อผูกพันกับลูกค้าหรือทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการปรับขนาดทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้เพิ่มเติมอย่างเต็มที่

กำหนดนโยบายอย่างชัดเจน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการวาดภาพเวิร์กโฟลว์ทางสายตากระบวนการมักถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน แผนกต่างๆสามารถเข้าใจความคาดหวังที่วางไว้ในทีมของพวกเขาได้อย่างง่ายดายและบัตร Kanban ที่ได้รับมอบหมายให้บุคคลเฉพาะระบุความรับผิดชอบอย่างชัดเจนสำหรับแต่ละงาน โดยการกำหนดนโยบายอย่างชัดเจนผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนจะเข้าใจสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขาเกณฑ์รายการตรวจสอบจะต้องปฏิบัติตามก่อนที่จะเสร็จสิ้นและสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการเปลี่ยนแปลงระหว่างขั้นตอน

ใช้ลูปข้อเสนอแนะ

เมื่อใช้วิธี Kanban บริษัท มักจะรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ว่ากระบวนการไหลอย่างไรและดำเนินการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงกระบวนการต่อไป ลูปข้อเสนอแนะนี้ช่วยให้พนักงานสามารถปรับปรุงและทำการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งง่ายต่อการปรับตัว ข้อเสนอแนะอาจเป็นข้อเสนอแนะเชิงบวกหรือข้อเสนอแนะเชิงลบ วิธีการ Kanban ช่วยให้คนงานเข้าใจความล้มเหลวในช่วงต้นของกระบวนการและอนุญาตให้ บริษัท ปรับตัวเข้ากับเส้นทางที่ถูกต้องก่อนที่ความไร้ประสิทธิภาพจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า

ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน

เนื่องจากงานถูกแบ่งออกเป็นการ์ด Kanban ขนาดเล็กมากบุคคลมักจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเมื่อใช้วิธี Kanban บุคคลที่มักจะอยู่ในทีมที่แตกต่างกันจะต้องทำงานร่วมกันและหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระหว่างช่องทางว่ายน้ำในขณะที่บุคคลอื่นต้องจัดกลุ่มเพื่อระบุและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ภายใต้ Kanban การเปลี่ยนแปลงกระบวนการจะต้องมีการสื่อสารอย่างกว้างขวางว่าเป็นการปรับเปลี่ยนในพื้นที่หนึ่งอาจมีผลกระทบในวงกว้างในอื่น ๆ

คณะกรรมการ Kanban

กระบวนการ Kanban ใช้บอร์ด Kanban ซึ่งเป็นระบบขององค์กรที่ร่างองค์ประกอบของกระบวนการอย่างชัดเจน กระดาน Kanban มักจะมีสามองค์ประกอบ: บอร์ดรายการและการ์ด

Kanban Board เป็นภาพที่ใหญ่ที่สุดของกระบวนการที่จัดระเบียบเวิร์กโฟลว์ในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น บริษัท อาจเลือกที่จะมีคณะกรรมการ Kanban ที่แตกต่างกันสำหรับแผนกต่าง ๆ ภายในองค์กรเช่นการเงินการตลาดและอื่น ๆ Kanban Board ใช้เพื่อรวบรวมกระบวนการที่เกี่ยวข้องภายในพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่กระดาน

รายการ Kanban เป็นรายการที่ต้องทำภายในแต่ละบอร์ด ตัวอย่างเช่นไฟล์ผู้ผลิตอาจมีแต่ละขั้นตอนของการผลิตเป็นรายการเนื่องจากรายการ Kanban มักจะแสดงถึงขั้นตอนการผลิตที่แตกต่างกันภายในสาขาที่คล้ายกัน รายการ Kanban อาจไหลจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่ง บ่อยครั้งงานหนึ่งจะจบลงและงานอื่นจะรับกับรายการการดำเนินการถัดไปหลังจากเสร็จสิ้นรายการก่อนหน้า

สุดท้ายการ์ด Kanban อาศัยอยู่ภายในรายการและเป็นตัวแทนของรายการแอ็คชั่นรายละเอียดมากที่สุดในนาทีที่จำเป็นในการทำรายการให้เสร็จสมบูรณ์ การ์ดเหล่านี้เป็นรายการเฉพาะที่ต้องแก้ไขตามลำดับเพื่อให้รายการเสร็จสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่นผู้ผลิตจะต้องติดต่อซัพพลายเออร์ยืนยันความพร้อมใช้งานวัตถุดิบส่งคำสั่งซื้อรับรายการสินค้าคงคลังและเริ่มการผลิต แต่ละขั้นตอนเหล่านี้สามารถปรับปรุงเพิ่มเติมในการ์ด Kanban ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นซึ่งเป็นตัวแทนของโครงการขนาดเล็ก

ตัวอย่างด้านล่างแสดงตัวอย่างของระบบ Kanban หรือ Pull ที่มีงานที่กำหนดไว้อย่างดีเลนว่ายน้ำและการสาธิตโดยรวมของการไหลของงาน

ระบบ Kanban อิเล็กทรอนิกส์

เพื่อเปิดใช้งานการส่งสัญญาณความต้องการแบบเรียลไทม์ทั่วห่วงโซ่อุปทานระบบ Kanban อิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็นที่แพร่หลาย ระบบ e-kanban เหล่านี้สามารถรวมเข้ากับการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP)ระบบ ระบบเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากบอร์ด Kanban ดิจิตอลรายการและการ์ดที่สื่อสารสถานะของกระบวนการข้ามแผนก

Toyota, Ford Motor Company และ Bombardier Aerospace เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใช้ระบบ E-Kanban ระบบอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ยังคงให้สัญญาณภาพ แต่ระบบมักจะเปิดใช้งานเพื่อทำให้ส่วนต่าง ๆ ของกระบวนการอัตโนมัติเช่นการขนส่งผ่านโรงงานหรือแม้แต่ยื่นคำสั่งซื้อ

Scrum vs. Kanban

การต่อสู้และ Kanban ทั้งคู่มีวิธีการที่ช่วยให้ บริษัท ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามแต่ละวิธีมีวิธีการที่แตกต่างกันมากในการบรรลุประสิทธิภาพนั้น การต่อสู้เข้าใกล้กรอบเวลาบางอย่างสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะทำ ด้วย Kanban การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วิธีการ Scrum แบ่งงานออกเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในช่วงเวลาเริ่มต้นและระยะเวลาสิ้นสุดซึ่งงานถูกกำหนดไว้อย่างดีและจะดำเนินการในลักษณะที่แน่นอน ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงหรือการเบี่ยงเบนจากการกำหนดเวลาหรืองานเหล่านี้ Scrum มักจะวัดด้วยความเร็วหรือกำลังการผลิตที่วางแผนไว้และเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือ Scrum Master ดูแลกระบวนการ

ในทางกลับกัน Kanban มีการปรับตัวมากขึ้นในการวิเคราะห์สิ่งที่เคยทำในอดีตและทำการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทีมกำหนดจังหวะหรือวัฏจักรของตัวเองและวัฏจักรเหล่านี้มักจะเปลี่ยนไปตามความจำเป็น Kanban วัดความสำเร็จโดยการวัดเวลารอบปริมาณงานและการทำงานที่กำลังดำเนินอยู่

ประโยชน์ของ Kanban

แนวคิดของ Kanban มีประโยชน์มากมายตั้งแต่ประสิทธิภาพภายในไปจนถึงผลกระทบเชิงบวกต่อลูกค้า

จุดประสงค์ของ Kanban คือการมองเห็นการไหลของงานและกระบวนการ ด้วยเหตุนี้ Kanban จึงนำการมองเห็นและความโปร่งใสมาสู่การไหลของงานและวัตถุประสงค์มากขึ้น โดยการอธิบายขั้นตอนและลำดับที่พวกเขาจะต้องเกิดขึ้นผู้เข้าร่วมโครงการอาจได้รับความรู้สึกที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการไหลของงานและความสำคัญของขั้นตอนที่สัมพันธ์กัน

เนื่องจาก Kanban มุ่งมั่นที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัท ที่ใช้ Kanban มักจะประสบกับเวลาตอบสนองที่เร็วขึ้น ซึ่งรวมถึงกระบวนการผลิตที่เร็วขึ้นบรรจุภัณฑ์และการจัดการที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและเวลาการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับลูกค้า ในทางกลับกันสิ่งนี้จะช่วยลด บริษัทค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเช่นการจัดเก็บการประกันภัยและความเสี่ยงของความล้าสมัยในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนเงินทุนให้เร็วขึ้นสำหรับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัท ที่ใช้วิธีปฏิบัติ Kanban อาจมีการคาดการณ์ได้มากขึ้นสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ด้วยการสรุปขั้นตอนและงานในอนาคต บริษัท อาจสามารถรับความรู้สึกที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงสิ่งกีดขวางบนถนนหรือปัญหาที่อาจทำให้กระบวนการช้าลง แต่ บริษัท สามารถวางแผนที่จะโจมตีข้อบกพร่องเหล่านี้และจัดสรรทรัพยากรเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคก่อนที่พวกเขาจะทำกระบวนการช้าลง

เป้าหมายสูงสุดของ Kanban คือการให้บริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า ด้วยกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและสิ้นเปลืองน้อยลงลูกค้าอาจถูกเรียกเก็บเงินในราคาที่ต่ำกว่า ด้วยกระบวนการที่เร็วขึ้นลูกค้าอาจได้รับสินค้าเร็วขึ้น ด้วยการอยู่เหนือกระบวนการลูกค้าอาจสามารถโต้ตอบกับการบริการลูกค้าได้เร็วขึ้นและมีความละเอียดพบได้เร็วขึ้น

ข้อเสียของ Kanban

สำหรับบาง บริษัท Kanban เป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการหรือไม่สามารถฝึกได้ ประการแรก Kanban ขึ้นอยู่กับความมั่นคง; บริษัท จะต้องมีกระบวนการที่คาดการณ์ได้ซึ่งไม่สามารถเบี่ยงเบนได้อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับ บริษัท ที่ดำเนินงานในสภาพแวดล้อมแบบไดนามิกที่กิจกรรมไม่มั่นคง บริษัท อาจพบว่าเป็นการยากที่จะดำเนินการโดยใช้ Kanban

Kanban มักเกี่ยวข้องกับวิธีการผลิตอื่น ๆ (เพียงเวลา, การต่อสู้, ฯลฯ ) ด้วยเหตุผลนี้ บริษัท อาจไม่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดหากยอมรับการปฏิบัติ Kanban เท่านั้น ตัวอย่างเช่น บริษัท อาจเข้าใจเมื่อใดวัตถุดิบเมื่อตรวจสอบการ์ด Kanban; อย่างไรก็ตามหาก บริษัท ไม่ได้ใช้สินค้าคงคลังแบบทันเวลาอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการพกพาวัตถุดิบในช่วงเวลาที่ไม่ได้นั่ง

Kanban ยังมีความต้องการที่จะต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ ขั้นแรกหากงานที่เสร็จสมบูรณ์จะไม่ถูกทำเครื่องหมายไว้ทีมการวิเคราะห์ขั้นตอนต่อไปอาจไม่ประเมินอย่างเพียงพอตามกระบวนการที่ทีมอยู่ที่ ประการที่สองไม่มีการประเมินเวลาสำหรับขั้นตอนที่แตกต่างกันดังนั้นสมาชิกในทีมจะต้องตระหนักถึงจำนวนเวลาที่จัดสรรให้กับงานของพวกเขาและสิ่งที่กำหนดเวลาในอนาคตต้องพึ่งพางานที่อยู่ในมือ

บรรทัดล่าง

วิธีการ Kanban เป็นวิธีการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดของเสียลดเวลาการหยุดทำงานความไร้ประสิทธิภาพและคอขวดตามกระบวนการเวิร์กโฟลว์ โครงการแสดงภาพด้วยสายตาโดยใช้บอร์ดรายการและการ์ดที่แสดงความรับผิดชอบในแผนกต่างๆ เมื่อดำเนินการอย่างเหมาะสม Kanban สามารถลดค่าใช้จ่ายในการผลิตใช้แรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นปรับปรุงการบริการลูกค้าและลดเวลาการส่งมอบ